
มะเขือเทศ เป็นพืชที่อุดมไปด้วยวิตามินและเกลือแร่หลายชนิด ซึ่งเป็นสารอาหารที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพร่างกาย เช่น วิตามินบี 1 วิตามินบี 2 วิตามินซี วิตามินเค โพแทสเซียม ฟอสฟอรัส แคลเซียม และเหล็ก นอกจากนั้นยังพบว่าในมะเขือเทศมีไลโคปีน (Lycopene) ในปริมาณสูง ซึ่งสารชนิดนี้จัดเป็นสารประกอบในกลุ่มแคโรทีนอยด์ มีคุณสมบัติในการต่อต้านการเกิดอนุมูลอิสระ (Antioxidant) โดยมีฤทธิ์มากกว่าเบต้าแคโรทีนถึง 2 เท่า โดยสารต้านอนุมูลอิสระมีคุณสมบัติในการป้องกันการเสื่อม และลดการบาดเจ็บเสียหายของเซลล์ต่างๆในร่างกายซึ่งอาจเป็นสาเหตุของการเกิดโรคเช่น โรคหัวใจ โรคมะเร็ง ดังนั้นการรับประทานมะเขือเทศจึงมีส่วนในการช่วยชะลอความชรา ลดความเสี่ยงในการเกิดโรคหัวใจ และมะเร็งที่อวัยวะต่างๆ เช่นมะเร็งปอด มะเร็งกระเพาะอาหาร มะเร็งตับอ่อน และโดยเฉพาะอย่างยิ่งคือ มะเร็งต่อมลูกหมาก
ชื่อสมุนไพร: มะเขือเทศ (Tomato)
ชื่อวงศ์: Solanaceae
ชื่ออื่น/ชื่อท้องถิ่น: มะเขือส้ม (ภาคเหนือ), ตรอบ (สุรินทร์), น้ำเนอ (เชียงใหม่)
ชื่อวิทยาศาสตร์: Lycopersicon esculentum Mill., Solanum lycopersicum
ลักษณะทางพฤกษศาสตร์
มะเขือเทศเป็นพืชล้มลุกอายุ 1 ปี ลำต้นมีลักษณะตั้งตรง มีขนอ่อนๆปกคลุม ใบเป็นใบประกอบ ออกสลับกัน โดยใบย่อยมีขนาดไม่เท่ากัน ปลายใบแหลม ขอบใบหยักลึกคล้ายใบเลื่อย ใบมีขนอ่อนๆปกคลุม ดอกออกบริเวณซอกใบ ออกเป็นช่อหรือดอกเดี่ยว ดอกมีสีเหลือง และมีกลีบเลี้ยงสีเขียวประมาณ 5 – 6 กลีบ ผลเป็นผลเดี่ยว มีขนาดเล็กประมาณ 3 เซนติเมตร จนถึงใหญ่ประมาณ 10 เซนติเมตร รูปร่างมีทั้งกลม กลมแบน หรือกลมรี ผิวเป็นมัน ผลดิบมีสีเขียว หรือเขียวอมเทา เมื่อสุกจะมีสีเหลือง สีส้ม หรือสีแดง เนื้อภายในฉ่ำด้วยน้ำมีรสเปรี้ยว เมล็ดมีเป็นจำนวนมาก
ฤทธิ์ทางเภสัชวิทยา
1.ฤทธิ์ปกป้องโรคหัวใจจากมะเขือเทศ
ไลโคปีน เป็นสาระสำคัญในมะเขือเทศมีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ ช่วยป้องกันความเสี่ยงต่อการเกิดโรคของหลอดเลือดหัวใจได้ มีการศึกษาฤทธิ์ของมะเขือเทศในการลดระดับ lactate dehydrogenase (LDH) และ creatinine kinase (CPK) ซึ่งเป็นตัวชี้วัดเกี่ยวกับความผิดปกติของกล้ามเนื้อหัวใจ และความเสียหายของกล้ามเนื้อที่เกิดจากการออกกำลังกาย พบว่าน้ำมะเขือเทศช่วยลดระดับ LDH และ CPK ได้ นอกจากนี้ยังพบว่ามะเขือเทศช่วยลดระดับ homocystein ที่ทำให้เกิดผนังหลอดเลือดอุดตันและ C-reactive protein ซึ่งเกี่ยวกับการเกิดโรคหลอดเลือดแข็งตัว
2.ฤทธิ์ลดคอเลสเตอรอลของเมล็ดมะเขือเทศ
จากการศึกษาฤทธิ์ลดคอลเลสเตอรอลของกากมะเขือเทศอบแห้ง (TP) น้ำมันจากเมล็ดมะเขือเทศ (TSO) และเมล็ดมะเขือเทศที่สกัดน้ำมันออกแล้ว (DTS) ในหนูแฮมสเตอร์ พบว่าการป้อนอาหารที่มีส่วนผสมของมะเขือเทศทั้ง 3 รูปแบบ มีผลลดปริมาณคอเลสเตอรอลที่สะสมในตับของหนูได้ แต่กลุ่มที่ได้รับ DTS เท่านั้นที่สามารถลดปริมาณคอเลสเตอรอลรวมและคอเลสเตอรอลชนิด low-density lipoprotein ในเลือดได้
3.ฤทธิ์ต้านการอักเสบ
มีการศึกษาพบว่าสารสกัดจากใบมะเขือเทศสามารถยับยั้งการเกิดกระบวนการอักเสบของร่างกายได้ โดยทำให้การสร้าง PEG2 ซึ่งเป็น pro-inflammatory mediator ในการกระบวนการอักเสบลดลง
4.ฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ และต้านมะเร็ง
ผลของมะเขือเทศมีสารสำคัญหลายชนิดที่สามารถต้านการเกิดอนุมูลอิสระได้ เช่น lycopene วิตามินซี และวิตามินอี เป็นต้น สารต้านอนุมูลอิสระเหล่านี้เป็นสารที่ถูก oxidized ได้ง่ายจึงเป็นเป้าหมายของ oxidizer และช่วยป้องกันเซลล์ของร่างกายจากภาวะ oxidative stress มีการศึกษาพบว่าฤทธิ์การต้านอนุมูลอิสระของมะเขือเทศ จะไปมีผลยับยั้งกระบวนการสร้าง และเพิ่มจำนวนของเซลล์มะเร็งได้ นอกจากนั้นยังมีการศึกษาพบว่าการรับประทานมะเขือเทศสามารถลดความเสี่ยงในการเกิดมะเร็งได้หลายชนิด โดยเฉพาะมะเร็งต่อมลูกหมาก ซึ่ง lycopene เป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่มีประสิทธิภาพสูง พบได้มากในผลมะเขือเทศ โดยพบ lycopene ได้มากขึ้นในมะเขือเทศที่ผ่านกระบวนการปรุง หรือทำให้เข้มข้นขึ้น ดังนั้นการรับประทานซอสมะเขือเทศจึงจะทำให้ได้รับ lycopene มากกว่ารับประทานผลมะเขือเทศสด
สรรพคุณที่มีผลต่อร่างกาย
ราก: ใช้ล้างแผล และแก้อาการปวดฟัน
ลำต้น: แก้อาการปวดฟัน
ใบ: ให้ความชุ่มชื้นแก่ผิวหนัง รักษาผิวหนังที่โดนแดดเผา
ผล: ช่วยให้เจริญอาหาร ช่วยทำให้กระเพาะอาหารและลำไส้ให้ทำงานได้ดี ใช้เป็นยาระบายอ่อนๆ ช่วยลดอัตราการเกิดโรคมะเร็งในลำไส้ และมะเร็งต่อมลูกหมาก ลดรอยเหี่ยวย่นตามใบหน้า บำรุงผิว
ส่วนที่นำมาใช้ : ราก ลำต้น ใบ ผล
ความเป็นพิษ
Tomatoside เป็นสารในกลุ่ม steroidal alkaloids ซึ่งได้จากใบ และส่วนเหนือดินของมะเขือเทศ เป็นกลุ่มสารที่ออกฤทธิ์รุนแรง จัดเป็นสารพิษ โดย tomatoside จะทำปฏิกิริยากับสเตียรอยด์ที่เซลล์ผิว ทำให้เม็ดเลือดแดงแตก และทำให้ผิวหนังและเยื่อบุผิวระคายเคืองอย่างแรง มีฤทธิ์ยับยั้งเชื้อแบคทีเรีย ไวรัส รา และใช้เป็นยาฆ่าแมลง นอกจากนั้นยังมีฤทธิ์ยับยั้งเอนไซม์ choline esterase กระตุ้นระบบประสาทส่วนกลาง และสามารถทำให้เป็นอัมพาตได้ ในมะเขือเทศผลสีเขียวจะมี alkaloid 0.03% แต่ในผลสุกไม่พบ alkaloid ดังนั้นจึงไม่ควรรับประทานมะเขือเทศดิบ
เอกสารอ้างอิง:
- แหล่งเรียนรู้ข้อมูลสมุนไพร. มะเขือเทศ. (Internet). [cited 2017 Aug 4]. Available from: http://thaiherbal.org/702/702
- ระบบฐานข้อมูลทรัพยากรชีวภาพและภูมิปัญญาท้องถิ่นของชุมชน สำนักงานพัฒนาเศรษฐกิจจากฐานชีวภาพ (องค์การมหาชน).มะเขือเทศ. (Internet). [cited 2017 Aug 4]. Available from: http://www.bedo.or.th/lcdb/biodiversity/view.aspx?id=5205
- สำนักงานข้อมูลสมุนไพร คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล. มะเขือเทศกับไลโคพีน. (Internet). [cited 2017 Aug 4]. Available from: http://medplant.mahidol.ac.th/document/tomato-lycopene.pdf
- สำนักงานข้อมูลสมุนไพร คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล. SOLANACEAE Lycopersicon esculentum Mill.. (Internet). [cited 2017 Aug 6]. Available from: http://medplant.mahidol.ac.th/pharm/botanic.asp?bc=0497&kw=มะเขือเทศ*
- Priya Shukla KB, Shalini Tripathi, Sunil kumar, Girendra Kumar Gautam. A Review on the Taxonomy, Ethnobotany, Chemistry and Pharmacology of Solanum Lycopersicum Linn. International Journal of Chemistry and Pharmaceutical Sciences. 2013.
- Chen J, Song Y, Zhang L. Lycopene/tomato consumption and the risk of prostate cancer: a systematic review and meta-analysis of prospective studies. Journal of nutritional science and vitaminology. 2013;59(3):213-23.
- 10 Tips for Growing the Best Tomatoes on the Block [Internet]. The Spruce. 2017 [cited 4 August 2017]. Available from: https://www.thespruce.com/top-tomato-growing-tips-1402587