โรคหอบหืด คือ ภาวะที่หลอดลมไวผิดปกติต่อสิ่งกระตุ้น (airway hyperresponsiveness) ส่วนมากมักพบตั้งแต่เด็ก ลักษณะอาการ คือ ไอ หายใจไม่อิ่ม มีเสียงวี๊ด เป็น ๆ หาย ๆ เมื่อมีปัจจัยกระตุ้นจะทำให้หลอดลมตีบ ผ่าน IgE ทําให้เกิดการหลั่ง mediators ต่าง ๆ ได้แก่ histamine, bradykinin, leukotrienes, platelet-activating factor, prostaglandins และ thromboxane A2(1)
ที่มา http://www.preventmiscarriage.com/Literature-Review-Blog/2017/January/No-benefit-found-with-Intralipid-Therapy-Ground-.aspx
การทานไขมันชนิด n−6 polyunsaturated fatty acids (Omega-6) ปริมาณที่มาก ซึ่งพบในน้ำมันพืชที่ประกอบอาหาร และการทานไขมันชนิด n−3 polyunsaturated fatty acids (Omega-3) ลดลง ซึ่งพบได้ในปลาทะเลน้ำลึก ทำให้เกิดความไม่สมดุลของการได้รับไขมันทั้งสองชนิด โดยการมี Omega-6 ที่มากกว่า ส่งผลให้เกิดสารที่ทำให้เกิดการอักเสบ (Pro-inflammatory) จึงเพิ่มความเสี่ยงของการเป็นโรคหอบหืด(2-4)
มีการศึกษาเกี่ยวกับการเกิดโรคหอบหืดในเด็กตั้งแต่แรกเกิดจนถึงอายุ 5 ขวบ ซึ่งคลอดจากแม่ที่ทาน fish oil โดยแม่ที่ตั้งครรภ์ระยะไตรมาสที่ 3 จะได้รับ fish oil ขนาด 2 กรัม/วัน (EPA 1.1 กรัม และ DHA 0.74 กรัม) ผลการศึกษาพบว่า เด็กที่คลอดจากครรภ์แม่ที่ทาน fish oil มีอาการหอบหืดหรือหายใจเสียงวี๊ดลดลงร้อยละ 34 แต่อย่างไรก็ตามยังพบ เด็กที่คลอดก่อนกำหนดจำนวน 1 ราย(4) โดยองค์การอนามัยโลก ได้แนะนำ fish oil ขนาด 300-500 มิลลิกรัม/วัน ในคนปกติ(5) ดังนั้น แม่ที่ต้องการทานอาหารเสริมเพื่อสุขภาพของเด็กในครรภ์ควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรทุกครั้งก่อนเลือกซื้อผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร