ผิวหนังของคนเรา ประกอบด้วย 3 ส่วน
ความชราของผิว (skin aging) เป็นกระบวนการที่จะทำให้ผิวแห้งกร้าน หยาบกระด้าง รูขุมขนกว้าง ขาดความยืดหยุ่น หย่อนคล้อย จนเกิดริ้วรอยเหี่ยวย่นขึ้น ซึ่งมีสาเหตุได้จากทั้ง
ปัจจัยที่ทำให้ผิวถูกทำลาย คือ
ภายใน เช่น อายุมากขึ้น พันธุกรรม ภาวะน้ำตาลในเลือดสูง การดื่มแอลกอฮอล์ ความเครียด
ภายนอก เช่น การสัมผัสแสงแดด รังสีUV อากาศแห้ง ควันบุหรี่ ฝุ่นละออง มลภาวะ
ซึ่งปัจจัยเหล่านี้จะทำให้เกิดอนุมูลอิสระสูงขึ้นในร่างกาย อนุมูลอิสระเหล่านี้จะจับกับตัวรับ (receptor) ที่เซลล์ผิวหนัง แล้วทำให้สร้างสาร MMP (matrix metalloproteinase) มาทำลายเส้นใยคอลลาเจนและอีลาสตินใต้ผิวหนัง
เมื่อเส้นใยคอลลาเจนและอีลาสตินมีปริมาณลดลง(ภาพขวา) โคร่งสร้างร่างแหที่เคยแข็งแรงก็จะถูกทำลาย ทำให้ผิวหนังสูญเสียความยืดหยุ่น ทำให้ไม่สามารถคงรูปร่างของผิวไว้ได้ จึงปรากฎเป็นร่องริ้วรอยลึกขึ้น
ในผู้หญิงที่ยังมีประจำเดือนนั้น จะยังมีผลของฮอร์โมนเพศหญิง ที่มีชื่อว่า เอสโตรเจน (Estrogen) เมื่อจับกับตัวรับที่ผิวหนัง (Estrogen receptor-β) ทำให้เซลล์ผิวหนังสร้างสาร TGF-β (tranforming growth factor-beta) เพื่อช่วยเพิ่มการสร้างเส้นใยคอลลาเจนและสารให้ความยืดหยุ่นมาทดแทน
นอกจากนี้ฮอร์โมนเอสโตรเจน (Estrogen) ยังช่วยลดการสูญเสียน้ำจากผิวหนัง และช่วยเพิ่มความหนาของชั้นผิวหนัง ทำให้สามารถกักเก็บน้ำในชั้นผิวได้เพิ่มขึ้น จึงช่วยรักษาความชุ่มชื้นของผิวหนังได้
ดังนั้นในผู้หญิงวัยหมดประจำเดือน จะมีปริมาณอนุมูลอิสระสูงขึ้น ทำให้ผิวหนังมีการสร้างสาร MMP มาทำลายคอลลาเจนมากขึ้น บวกกับการมีระดับฮอร์โมนเพศหญิง (Estrogen) ต่ำลง ส่งผลให้มีระดับสาร TGF-β ลดลงด้วย จึงมีการสร้างคอลลาเจนมาทดแทนลดลงอีกด้วย ผลลัพธ์ก็คือ ผิวหนังขาดความยืดหยุ่น ผิวแห้ง ผิวบางลง และปรากฎริ้วรอยร่องลึกขึ้นนั่นเอง
Argan oil เป็นน้ำมันที่สกัดจากเมล็ดของต้นอาร์แกน (argan tree) มีต้นกำเนิดจากประเทศมอรอคโค
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Argania spinosa L.
กรดไขมันไม่อิ่มตัว (Unsaturated fatty acid) ประมาณ 85% เช่น oleic acid, Linoleic acid, Linolenic acid, Palmitoleic acid, Myristic acid
กรดไขมันอิ่มตัว (Saturated fatty acid) ประมาณ 10% เช่น Stearic acid, Behenic acid, Arachidic acid, Palmitic acid
องค์ประกอบอื่นๆที่สำคัญ เช่น วิตามินอี (Vitamin E) 600-900 มิลลิกรัม/กิโลกรัม และสารอนุพันธ์ของฟีนอล (Phenol derivatives) เช่น ferulic acid
จากงานวิจัยพบว่าผู้หญิงวัยหมดประจำเดือนกลุ่มที่รับประทาน argan oil ปริมาณ 25 มิลลิลิตร/วัน และกลุ่มที่ทา argan oil ที่ผิวทุกคืน สามารถเพิ่มความยืดหยุ่นของผิวหนังได้ตั้งแต่ 30 วันและเพิ่มมากขึ้นใน 60 วันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ แสดงให้เห็นว่า argan oil ช่วยเพิ่มปริมาณเส้นใยคอลลาเจนใต้ชั้นผิวได้ โดยในการศึกษาพบว่าวิตามินอีใน argan oil เป็นวิตามินอีที่อยู่ในรูปแบบของ แกรมม่าโทโคเฟอรอล (γ-tocopherol) ถึง 82-95% ซึ่งจะมีความสามารถในการต่อต้านอนุมูลอิสระได้ดีที่สุด อีกทั้งยังสามารถสามารถเพิ่มปริมาณสาร TGF-β ทำให้ช่วยเพิ่มการสร้างเส้นใยคอลลาเจนมาซ่อมแซมผิวหนัง ยิ่งไปกว่านั้นสาร ferulic acid มีความสามารถในจัดการกับอนุมูลอิสระ ทำให้ป้องกันความเป็นพิษจากอนุมูลอิสระได้ และยังมีคุณสมบัติในการยับยั้ง MMP จึงลดการทำลายคอลลาเจนใต้ชั้นผิวลงได้ จากกระบวนการดังกล่าวทั้งคุณสมบัติเพิ่มการสร้างและลดการทำลายเส้นใยคอลลาเจน ทำให้ชั้นผิวมีโครงสร้างที่แข็งแรง จึงสามารถเพิ่มความยืดหยุ่นของผิวหนัง และลดริ้วรอยเหี่ยวย่น ร่องลึกต่างๆได้
ดังนั้นถ้าหากสาวๆคนใดอยากมีผิวเนียนนุ่ม กระชับ เต่งตึง ไม่หย่อนคล้อยแล้วละก็ ลองเลือกใช้ argan oil 100% หรือผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของ argan oil ทาผิวหลังอาบน้ำเสร็จ ก็ตอบโจทย์ได้ดีเลยทีเดียว!
Bensouda Y, Qiraouani Boucetta K, Charrouf Z, Aguenaou H, Derouiche A. The effect of dietary and/or cosmetic argan oil on postmenopausal skin elasticity. Clinical Interventions in Aging. 2015;:339.