5 แนวทางการแก้อาการโรคเท้าบวมก่อนจะสายเกินไป

เพราะเท้าเป็นอวัยวะศูนย์รวมของเส้นประสาททั่วร่างกาย เวลาที่มีปัญหาจากอวัยวะไหน การนวดเท้าจึงมีส่วนช่วยผ่อนคลายปัญหานั้นๆ  และหากเท้าแสดงอาการผิดปกติออกมานั่นอาจหมายถึงความผิดปกติของอวัยวะบางส่วน อย่างที่เห็นกันมากคืออาการเท้าบวม ซึ่งอาจเป็นสัญญาณอันตรายก่อนเกิดโรคร้ายอื่นๆ  อาการบวมที่เท้าอาจเกิดจากหลายสาเหตุ ไม่ว่าจะเป็นโรคไต,โรคหัวใจ, โรคตับ ,โรคหลอดเลือดดำที่ขาอุดตันและโรคเท้าช้าง สิ่งแรกที่ต้องทำ คือการตรวจหาสาเหตุของอาการที่เป็นอยู่ว่าเกิดขึ้นจากสาเหตุ หากแก้ไขไม่ถูกต้องหรือแก้ไขช้าอาจจะสายเกินแก้ มาดูวิธีการรักษาและข้อควรปฏิบัติและการป้องกันสำหรับอาการเท้าบวมกันดีกว่า

1.ออกกำลังกายวันละ 30 นาที

ให้เน้นการออกกำลังกายประเภทเสริมสร้างให้กล้ามเนื้อและหลอดเลือดให้แข็งแรง เพื่อเป็นการกระตุ้นการไหลเวียนเลือดอย่างการว่ายน้ำ วิ่ง ขี่จักรยาน  

2.เน้นการรับประทานอาหาร

เพื่อสร้างความแข็งแกร่งของผนังหลอดเลือดฝอย อาหารต้องอุดมด้วยวิตามินซีและฟลาโวนอยด์ และลดการบริโภค อาหารที่มีรสเค็ม

3.ควรเปลี่ยนอิริยาบถบ่อยๆ

เพื่อดันให้เลือดไหลกลับไปเลี้ยงอวัยวะด้านบนของร่างกาย ไม่ควรยืนนิ่งๆ หรือนั่งอยู่กับที่เป็นเวลานานๆ ควรเปลี่ยนอิริยาบถบ่อยๆ และไม่ควรสวมรองเท้าสูงที่สูงมากเกินไปหรือรองเท้าที่คับจนเกินไป

4.หลีกเลี่ยงไม่ให้ขาสัมผัสกับความร้อน

นอกจากจะต้องคุมน้ำหนักตัวไม่ให้มากกว่าเดิมแล้ว ไม่ควรอาบน้ำที่ร้อนเกินไปหรือยืนบนพื้นร้อนๆ รวมทั้งการอาบแดดนานๆ  

5.นอนยกเท้าให้สูง

หมั่นให้นอนยกเท้าสูงประมาณ 45 องศา จนกระทั่งรู้สึกสบายขึ้น แล้วจึงค่อยเปลี่ยนไปนอนท่าปกติดังเดิม

หากต้องการเป็นคนที่มีสุขภาพดี ต้องรู้จักสังเกตตัวเองอยู่เสมอ แม้อาการเท้าบวมไม่ใช่เรื่องใหญ่ แต่เป็นเรื่องที่มองข้ามไม่ได้ การรักษาโรคสามารถป้องกันและแก้ไขได้ด้วยการออกกำลังกายอย่างเหมาะสม และรักษาน้ำหนักตัวให้อยู่ในเกณฑ์ ปกติ เพียงเท่านี้ก็จะช่วยบรรเทาอาการเท้าบวมได้แล้ว