ชาที่ดีต่อสุขภาพ คือชาที่ไม่ใส่น้ำตาล ซึ่งคุณสามารถดื่มชาได้มากถึง 4-9 ถ้วยต่อวัน หรือใช้จิบแทนน้ำเปล่าก็ได้ แต่หลัง 5 โมงเย็นไปแล้วควรงดดื่ม เพราะฤทธิ์ของกาเฟอีน จะไปกระตุ้นสมองให้ตื่นตัว ส่งผลให้นอนไม่หลับได้ นอกจากนี้น้ำชายังเป็นแหล่งของสารต้านอนุมูลอิสระ ซึ่งมีประโยชน์ที่สามารถช่วยในการลดน้ำหนักเช่นกัน มาดู 5 วิธีการดื่มชาเพื่อสุขภาพกันดีกว่าว่า
1.ดื่มชาทันทีที่เพิ่งชงเสร็จร้อนๆ
ควรดื่มชาทันทีที่เพิ่งชงเสร็จร้อนๆ จะดีที่สุด ไม่ว่าจะเป็นชาเขียวหรือชาร้อนๆ หากจะปล่อยไว้ ก็ไม่ควรปล่อยไว้นานเกินกว่า 2 ชั่วโมง เพราะใบชานั้นมีสารอาหารสำคัญมากกว่า 200 ชนิด ที่มีฤทธิ์ช่วยดักจับอนุมูลอิสระ เมื่อดื่มชาอุ่นๆ จะทำให้รู้สึกผ่อนคลาย สงบนิ่งและสมองปลอดโปร่งมากขึ้น
2.ดื่มชาหลังกินอาหาร 2-3 ชั่วโมง
การดื่มชาจะมีส่วนช่วยกระตุ้นการย่อยอาหารได้ดี แต่ต้องหลังจากกินอาหารไปแล้ว 2-3 ชั่วโมง เพราะจะช่วยกระตุ้นให้น้ำย่อยหลั่งออกมาภายในกระเพาะอาหาร ทำให้การย่อยอาหารจำพวกวิตามินต่างๆ เป็นไปดีขึ้น
3.ดื่มชาเขียวช่วยป้องกันอาการหลงลืม
ในใบชาเขียวมีคุณสมบัติกระตุ้นคลื่นอัลฟ่าในสมอง ที่จะทำให้รู้สึกสงบ จิตใจไม่วอกแวก มีสมาธิ ซึ่งจากผลการศึกษาในผู้สูงอายุชาวญี่ปุ่นที่ดื่มชาเขียวอย่างน้อย 2 ถ้วยทุกวันพบว่า มีอาการสูญเสียความจำ และหลงลืมน้อยกว่าคนในวัยเดียวกัน
4.ชาร้อนบำรุงกระดูกและฟัน
ชาชงร้อน 4 ถ้วยทุกวันบำรุงกระดูกและฟัน เพราะในใบชาจะมีสารไฟโตเคมีคอล ที่ช่วยบำรุงกระดูกไม่ให้เปราะบางลง แนะนำว่าควรดื่มชาชงร้อนไม่ใส่น้ำตาลอย่างน้อย 4 ถ้วยต่อวัน เพื่อเพิ่มความแข็งแรงของกระดูกและฟัน
5.ชาเขียวช่วยลดไขมัน
การดื่มชาเขียวทุกวันวันละ 5 แก้ว จะช่วยลดการสะสมไขมัน และช่วยเผาผลาญแคลอรีได้สูงถึง 70-80 แคลอรีด้วยสารโพลีฟีนอลที่มีคุณสมบัติลดการสะสมไขมัน มีส่วนช่วยในการยับยั้งการดูดซึมไขมันเข้าสู่ร่างกายได้เป็นอย่างดี
แม้ชาจะมีประโยชน์แต่ก็มีโทษเช่นกัน ซึ่งอาจเกิดผลกระทบจากการบริโภคเพราะดื่มคาเฟอีนที่มากเกินไป จึงควรระมัดระวังในการดื่มด้วยวิธีที่เหมาะสม เพื่อสุขภาพที่ดี