หลายคนอาจตื่นตระหนกเมื่อพบว่ามีข่าวการเสียชีวิตขณะออกกำลังกายเพิ่มมากขึ้น ซึ่งสาเหตุส่วนใหญ่ก็มาจากหัวใจวายเฉียบพลัน ทั้งนี้ตัวเลขการเสียชีวิตที่เพิ่มขึ้นเป็นผลเนื่องมาจากการที่คนในยุคปัจจุบันคนหันมาออกกำลังกายเพิ่มมากขึ้น เราจะพบว่ามีสถานที่ที่ส่งเสริมการออกกำลังกายเช่นฟิสเนตหรือมีกิจกรรมที่จัดขึ้นเพื่อส่งเสริมการออกกำลังกายมากขึ้นเช่นวิ่งมาราธอน ทั้งนี้รัฐบาลเองก็มีโครงการส่งเสริมให้ข้าราชการออกกำลังกายทุกวันพุธ ดังนั้นเมื่อมีผู้ออกกำลังกายมากขึ้นจึงเป็นการเพิ่มโอกาสที่เราจะพบผู้ที่เสียชีวิตขณะออกกำลังกายเพิ่มขึ้นนั่นเอง
สำหรับทุกคน ทั่วไปที่ไม่ใช่นักกีฬา
อาจเป็นผู้ที่มีปัญหาสุขภาพ ในผู้ที่ไม่เคยออกกำลังกาย หรือออกกำลังกายไม่สม่ำเสมอ ไม่ว่าจะอายุมากหรือน้อย เมื่ออกกำลังกายหักโหมเกินไปจะทำให้หัวใจเต้นเร็วขึ้น เพื่อสูบฉีดนำเอาออกซิเจนไปเลี้ยงกล้ามเนื้อทุกส่วนของร่างกายสุดท้ายหัวใจจะรับภาระไม่ไหวเกิดหัวใจขาดเลือดและตามมาด้วยอาการหัวใจวายขึ้นมาได้ โดยอาการที่เป็นจะเกิดอาการเจ็บแน่นหน้าอกเป็นอาการนำ
ปัจจุบันด้วยแนวทางการใช้ชีวิตของคนที่มีความเครียดเพิ่มมากขึ้นและการรับประทานอาหารที่ไม่เหมาะสมทำให้เรามีความเสี่ยงจากโรคต่างๆได้ เช่นโรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูง โรคหัวใจ เพิ่มมากขึ้นซึ่งโรคเหล่านี้เป็นภัยเงียบสำคัญที่คนมักมองไม่เห็นนอกจากนี้ปัจจัยอื่นๆได้แก่ นอนหลับน้อย พักผ่อนน้อย สูบบุหรี่ ดื่มเหล้า เครียดสะสม ก็ทำให้ร่างกายไม่มีความพร้อมที่จะออกกำลังกายอย่างหนัก ดังนั้นต้องดูความพร้อมของตัวเองรวมถึงชนิดของการออกกำลัง กายว่าเป็นกีฬาที่เหมาะสมแล้วหรือไม่
สำหรับนักกีฬา
สาเหตุหลักๆส่วนใหญ่เกิดจากหัวใจ เริ่มต้นด้วยมีอาการ คลื่นไส้ หน้ามืด ใจสั่น หายใจสั้น หอบเหนื่อย และเริ่มเจ็บหน้าอก จุกแสบ แน่นบริเวณลิ้นปี่ บางทีเจ็บร้าวไปถึงบริเวณแขน คอ ไหล่ และกราม จนเกิดอาการเกร็ง จนเหงื่อออกท่วมตัว และ เป็นลมล้มฟุบในที่สุด ซึ่งอาการเหล่านี้ที่ได้กล่าวมาข้างต้น สาเหตุก็เกิดมาจากเส้นเลือดหัวใจ ตีบมากขึ้น ทำให้เลือดไปเลี้ยงหัวใจน้อยลง ส่งผลกระทบไปถึงกล้ามเนื้อหัวใจต้องทำงานหนักมากขึ้น แต่ในขณะที่เลือดไปเลี้ยงน้อยจนไม่มีเลือดเข้าสู่หัวใจ ผลที่ตามมาคือ เกิดภาวะหัวใจขาดเลือด จนหัวใจวายเฉียบพลันนั่นเอง
สาเหตุอื่นๆ ซึ่งไม่ถึง 2% และสามารถพบได้ในคนที่อยู่ช่วงอายุต่ำกว่า 35-40 ปี คือ
วิธีป้องกันทำได้โดย พบแพทย์และตรวจร่างกายก่อนและระหว่างออกกำลัง ได้แก่ ตรวจคลื่นหัวใจทั้งขณะพัก ออกกำลัง และการทำ เอ็กซเรย์คลื่นแม่เหล็ก (MRI) โดยเฉพาะผู้มีความเสี่ยง เช่นมีประวัติพวกเจ็บอก ใจเต้นผิดปกติ หรือวูบขณะ หรือหลังออกกำลัง หรือขณะปกติ ญาติพี่น้องเป็น หรืออายุมากกว่า 35 ปี
การออกกำลังกายมีหลายประเภท เช่น ออกกำลังเพื่อเพิ่มสมรรถภาพของปอดและหัวใจ เพื่อเพิ่มความยืดหยุ่นของร่างกาย เพื่อเพิ่มความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ หรือเพื่อการรักษา เช่น ฝึกการทรงตัว ฝึกการประสานงานของกล้ามเนื้อและระบบประสาท
การออกกำลังกายเพื่อสุขภาพมีประโยชน์ต่อร่างกายทำให้ร่างกายแข็งแรง แต่การออกกำลังกายที่ไม่เหมาะสมก็อาจทำให้เกิดอันตรายต่อร่างกายได้ เช่น การเตะฟุตบอล ไม่ใช่การออกกำลังกายเพื่อสุขภาพที่ดีที่สุดสำหรับทุกคน โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้ามีบุคคลนั้นมีอายุอยู่ในช่วง 40-60 ปี เนื่องจากผู้ป่วยวัยนี้จะมีความเสี่ยงสูงที่จะเกิดอันตรายจากการออกกำลังกายด้วยการเตะฟุตบอล
ดังนั้นเราควรต้องเลือกออกกำลังกายให้เหมาะสมและถูกต้องเพื่อให้เกิดประโยชน์และไม่เป็นอันตรายต่อร่างกาย การออกกำลังกายเพื่อสุขภาพที่ดีและเหมาะสมสามารถใช้ได้กับทุกคน ได้แก่ การเดินเร็วๆ วิ่ง ว่ายน้ำ ถีบจักรยาน กระโดดเชือก และเต้นแอโรบิก ฯลฯ การออกกำลังกายเหล่านี้เป็นการออกกำลังเพื่อเพิ่มสมรรถภาพของปอดและหัวใจ ช่วยให้กล้ามเนื้อมัดใหญ่ทำงานอย่างต่อเนื่อง
วิธีการออกกำลังกายที่ถูกต้องคือควรจะออกด้วยด้วยความแรงเหมาะสมหรือไม่หักโหมจนเกินไป ควรออกในระยะเวลาและความถี่ที่เพียงพอไม่มากเกินไป เช่นให้มีระยะเวลาประมาณ 30 – 60 นาที หรือออกจนเริ่มรู้สึกเหนื่อย-เหนื่อยแต่ยังพอพูดคุยได้ ความถี่ในการออกอย่างน้อย 5 วันต่อสัปดาห์ สำหรับการรออกกำลังกายในผู้ที่เป็นโรคหัวใจหรือมีโรคประจำตัวควรปรึกษาแพทย์ก่อนออกกำลังกาย และควรหยุดออกกำลังกายถ้ามีอาการได้แก่ เจ็บแน่นหน้าอก ใจสั่น หรือรู้สึกว่าใจเต้นผิดปกติ หอบเหนื่อย มืนงง จะเป็นลม อ่อนแรง รู้สึกปวด ขัด ตึง บวม บริเวณกล้ามเนื้อ เอ็น ข้อต่อต่างๆ ระหว่างหรือหลังออกกำลังกาย ควรรีบปรึกษาแพทย์