เพราะสายเสียง เป็นอวัยวะที่สำคัญในการสร้างเสียง หากไม่ดูแลและรักษาสายเสียงให้ดี อาจทำให้เสียงอักเสบ บวมแดง หรือเกิดตุ่มเนื้อขึ้น จนส่งผลทำให้เสียงผิดปกติเสียงแหบ หรือเสียงอาจขาดหายไประหว่างพูด น้ำเสียงแตกพร่า ฯลฯ เพื่อ ให้มีสายเสียงที่มีคุณภาพดีไว้ใช้นานๆ คุณควรใส่ใจดูแลรักษาสุขภาพของสายเสียงให้มากขึ้น มาดูวิธีดูแลสายเสียงให้เสียงใสปิ๊งอยู่เสมอกันดีกว่า
หลีกเลี่ยงการตะโกน กรีดร้องดัง ๆ หรือส่งเสียงเชียร์ดัง ๆ ควรพูดด้วยระดับเสียงสูง ต่ำ ที่เหมาะสมกับเพศหรือวัยของตนเอง และไม่พูดในที่ที่มีเสียงดังรบกวน อย่าง ในผับ เสียงเครื่องจักร เสียงเพลง เสียงรถยนต์ ถ้าจำเป็นควรเขยิบไปใกล้ผู้ฟังจะดีกว่า
หากจำเป็นต้องพูดนาน ๆ ควรมีเวลาสำหรับหยุดพักในการใช้เสียงด้วย ควรพูดแบบสบายๆ ไม่เค้นเสียงพูด ไม่ร้องเพลงหรือพูดมากขณะป่วย เพราะจะทำให้ร่างกายเหนื่อย อ่อนเพลีย และอาจติดเชื้อในระบบทางเดินหายใจ ไม่พูดกระแทกเสียง หรือเน้นประโยคใดๆ หลีกเหลี่ยงการกระซิบ หรือบ่นพึมพำในลำคอ
กล่องเสียงต้องการความชื้นเพื่อการหล่อลื่น ซึ่งจะช่วยทำให้มีการสั่นได้ดี แม้น้ำจะไม่ได้สัมผัสกับเส้นเสียงโดยตรง แต่เส้นเสียงจะได้รับการหล่อลื่นจากของเหลวคล้ายน้ำลาย ซึ่งผลิตจากต่อมในบริเวณนั้น ทำให้เราจะต้องดื่มน้ำวันละ 1.5 ลิตร โดยจิบน้ำทุก ๆ 15 นาที
ควรหลีกเลี่ยงอาหารรสจัด ไม่ว่าจะเป็นอาหารรสเผ็ดจัด เปรี้ยวจัด ร้อนจัด เย็นจัด เค็มจัด หวาน หรือมันจนเลี่ยน จะทำให้น้ำลายหรือเสมหะเหนียวข้นรู้สึกระคายคอ และทำให้อยากไอ หรือกระแอมมากขึ้น
หันมาดูแลรักษาเส้นเสียง ให้เป็นคนที่มีเสียงใสปิ๊งนาน ๆ จะได้ช่วยเสริมสร้างบุคลิกซึ่งเป็นเสน่ห์อย่างหนึ่งที่จะช่วยให้คุณมีภาพรวมที่ดีขึ้น