อาการปวดฟัน อาการที่พบได้บ่อยซึ่งหลายๆคนยังไม่ทราบว่าตั้งแต่โบราณเราได้มีการนำสมุนไพรมาใช้บรรเทาอาการปวดฟัน ซึ่งสมุนไพรที่นำมาใช้ คือ “กานพลู” วันนี้เราจึงมาทำความรู้จักกับสมุนไพรชนิดนี้กัน
ชื่อวิทยาศาสตร์ :Syzygium aromaticum
ชื่อวงศ์ :Myrtaceae
ปลือกต้นกานพลูมีลักษระเรียบ มีสีน้ำตาลอ่อน ใบมีลักษณะเป็นใบเดี่ยว กลีบเลี้ยงสีเขียวอมเหลือง มีสีแดงกระจาย เชื่อมติดกันเป็นรูปท่อ ปลายแยกเป็นแฉกรูปสามเหลี่ยมแกมรูปไข่ 4 กลีบ กลีบดอกสีขาว ความยาวประมาณ 1 ถึง 2.5 เซนตืเมตร มีสีน้ำตาลแดงถึงดำ ส่วนของก้านดอกมีลักษณะแข็ง ทรงกลม มีกลีบเลี้ยงอยู่ 4 ด้านมีลักษณะเป็นสามเลี่ยม(1) ผลสดรูปไข่กลับแกมรูปรี สีแดงเข้ม
1.ฤทธิ์ในการระงับปวดและต้านการอักเสบ
มีการศึกษาว่าภายในดอกกานพลูมีสารสำคัญ คือ eugenol โดยมีกลไกในการยับยั้ง การส่งสัญญาณกระแสประสาทโดยเข้าไปยับยั้งเซลล์ที่มีชื่อว่า voltage-gated sodium potassium channel ที่บริเวณเซลล์ประสาทที่มีชื่อว่า trigerminal ganglion จึงทำให้การส่งสัญญานของเซลล์ประสาทไม่ถูกส่งไปที่สมอง จึงทำให้รู้สึกชา(2, 3) และนอกจากนี้พบว่าสามารถต้านการอักเสบ โดนไปลดการสร้าง สารก่ออักเสบและฤทธิ์ในการป้องกันการเสื่อมของเซลล์ประสาทได้ (2, 4, 5)
2.ฤทธิ์ในการต้านเชื้อแบคทีเรียและเชื้อรา
มีการศึกษาพบว่าสารสกัดจากกานพลูพบว่ามีฤทธิ์ในการต้านเชื้อแบคทีเรีย ได้แก่ เชื้อ Escherichia coli (E. coli), Staphylococcus aureus และ Bacillus cereus และนอกจากนี้พบว่าสารสกัดจากกานพลูสามารถต้านเชื้อรา ที่เป็นสาเหตุของการตกขาวได้เช่นกัน (6, 7)
3.ฤทธิ์ในการต้านมะเร็ง
มีการศึกษาในหนูที่ถูกเหนี่ยวให้เกิดมะเร็งและในหลอดทดลอง ของสารสกัด eugenol จากกานพลู พบว่าสามารถลดขนาดของเซลล์ลงได้ โดยกลไกของสาร eugenol จะเข้าไปรบกวนระบบการแบ่งเซลล์ของมะเร็งจึงทำให้เซลล์มะเร็งมีขนาดเล็กลง(8, 9)
4.ฤทธิ์เพิ่มในการเคลื่อนตัวของลำไส้
การศึกษาสารสำคัญ eugenol มีผลต่อในการยับยั้งเอนไซต์ Acetylcholinesterase ในหนูซึ่งเอนไซต์ดังกล่าวมีบทบาทสำคัญในการทำลายสารสื่อประสาทที่มีชื่อ Acetylcholine จึงทำให้ปริมาณ Acetylcholine สูงขึ้นซึ่งสารสื่อประสาทดังกล่าวมีฤทธิ์ในการเพิ่มการบีบตัวของลำไส้(10, 11)
ที่มา:https://www.satujam.com/obat-wasir/
5.ฤทธิ์ในป้องกันการเกิดโรคกระเพาะ
มีการนำสารสกัด eugenol จากดอกกานพลูมาทดสอบฤทธิ์ในการเกิดโรคกระเพาะในหนูพบว่าสารสกัด eugenol สามารถป้องกันการเกิดโรคกระเพาะได้แต่กลไกในการป้องกันยังไม่ทราบแน่ชัด(11, 12)
ฤทธิ์เป็นยาชา แก้ปวดฟัน และขับลม บรรเทาอาการท้องอืด(13)
ส่วนที่นำมาใช้
ที่มา:http://www.dd-productbkk.com/product-detail.php?gid=1-001-004&id=145
1.บรรเทาอาการ ท้องอืด ขับลม(13)
สำหรับผู้ใหญ่ นำดอกตากแห้งมาทุบหรือใช้ดอกสดมาทุบให้ช้ำ โดยใช้ 4-ถึง 6 ดอก ไปชงกับน้ำต้มเดือด
สำหรัเด็กใช้ดอกแห้ง 1ดอก นำไปชงในน้ำเดือด ประมาณ 500 มิลลิลิตร หรือประมาณครึ่งขวดน้ำขนาดบรรจุ 1 ลิตร
2.แก้ปวดฟัน(13)
นำดอกตูมประมาณ 1-ถึง 2 ดอก มาเคี้ยวจากนั้นอมไว้บริเวณที่ปวดฟัน
ใช้ดอกตูมตำพอแหลกนพไปผสมเหล้าขาวเล็กน้อยพอให้แฉะจากนั้นจิ้มนำผงมาอุดบริเวณที่ปวดฟัน