ในปัจจุบันผู้คนส่วนใหญ่หันมาสนใจการใช้สมุนไพรกันมากขึ้น ซึ่งกระเจี๊ยบนั้นก็ถูกจัดเป็นสมุนไพรที่สามารถพบได้ทั่วไปและถูกมาแปรรูปเป็นเครื่องดื่มหรือผลิตภัณฑ์เสริมอาหารโดยใช้ส่วนของกลีบเลี้ยงที่พบกันได้ทั่วไปตามท้องตลาด ซึ่งจากการศึกษาในปัจจุบันมีการศึกษาพบว่าน้ำกระเจี๊ยบมีฤทธิ์ ต้านเชื้อแบคทีเรีย เชื้อรา,ฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ,ฤทธิ์ในการลดน้ำตาลและไขมัน ฤทธิ์ต้านมะเร็ง และฤทธิ์ขับปัสสาวะ
แต่เป็นการศึกษาเพียงในหลอดทดลอง หนู และกระต่าย ซึ่งไม่สามารถนำมายืนยันได้ว่าการรับประทานกระเจี๊ยบจะได้ผลเช่นเดียวกับในหลอดทดลอง หนู หรือกระต่าย เนื่องจากระบบร่างกายของสัตว์มีลักษณะที่แตกต่างจากมนุษย์จึงไม่สามารถนำมายืนยันได้ว่ามีผลเช่นนั้นจริง
————————————————————————————————————————
ชื่อสมุนไพร : กระเจี๊ยบ
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Hibiscus sabdariffa Linn.
ชื่อวงศ์ : Mavalaceae
ชื่ออื่นๆ : กระเจี๊ยบ กระเจี๊ยบเปรี้ยว ผักเก็งเค็ง ส้มเก็งเค็ง ส้มตะเลงเครง ส้มปู
ลักษณะต้นเป็นไม้พุ่ม มีความสูงประมาณ 1 ถึง 2 เมตร ก้านมีสี เหลืองม่วงหรือแดง ลักษณะของใบ เป็นใบเดี่ยว รูปไข่ ขนาดกว้างประมาณ 7 ถึง 12 เซนติเมตร ยาว 7-ถึง 15 เซนติเมตร ลักษณะของดอก มีสีม่วงแดง ขนาด 4 ถึง 5 เซนติเมตร (1)
1.มีฤทธิ์ในการต้านเชื้อแบคทีเรีย เชื้อรา และพยาธิ
มีการศึกษานำสารสกัดจากดอกและกลีบเลี้ยงของกระเจี๊ยบมาทดสอบฤทธิ์การต้านเชื้อในหลอดทดลองพบว่า สามารถต้านเชื้อแบคทีเรีย ได้แก่ S. aureus, Bacillus stearothermophilus, Micrococcus luteus, Serratia mascences, Clostridium sporogenes, Escherichia coli, K. pneumonia, Bacillus cereus และ Pseudomonas fluorescence ได้ (2, 3)
2.ฤทธิ์ลดไข้ และต้านการอักเสบ
มีการศึกษานำสารสกัดจากดอกของกระเจี๊ยบทดสอบฤทธิ์ผลของการลดไข้และต้านการอักเสบทั้งในหนูและในหลอดทดลองพบว่าสามารถลดสารที่ก่อให้เกิดการอักเสบและไข้ ซึ่งเรียกว่า อินเตอร์ลูคิน (interleukins) , อินเตอร์ฟีรอน (interferon) และ ทูเมอร์เนคโครซิสแฟกเตอร์-แอลฟา (tumour necrosis factor alpha) (1, 4)
3.ฤทธิ์ในการต้านอนุมูลอิสระ
มีการศึกษาในหลอดทดลองโดยนำสารสกัดจากดอก,เมล็ด และ ใบของกระเจี๊ยบ มีฤทธิ์ในการป้องกันสารอนุมูลอิสระซึ่งเป็นสาเหตุการเสื่อมสภาพของเซลล์ร่างกายส่งผลให้ร่างกายเจ็บป่วย โดยจากการศึกษาพบว่าสารสกัดจากดอกกระเจี๊ยบมีฤทธิ์ ในการป้องกันการทำงานของ tert-butyl hydroperoxide (t-BHP) และ catalase ซึ่งเป็นสารที่ก่อให้เกิดอนุมูลอิสระในตับ (1, 5, 6)
4.ฤทธิ์ในการขับปัสสาวะ
จากการศึกษาในหนูและมนุษย์พบว่าสารสกัดจากกระเจี๊ยบสามารถขับปัสสาวะได้โดยไปยับยั้งการหลั่งสาร aldosterone และยับยั้งเอนไซต์ angiotensin convertin ซึ่งผลของการยับยั้งสารดังกล่าวทำให้มีการขับโซเดียมออกทางปัสสาวะมากขึ้น โดยผลของการขับโซเดียมออกมาจะทำให้น้ำถูกขับออกมาด้วยจึงทำให้สามารถเพิ่มการขับปัสสาวะได้และสามารถลดความดันโลหิตได้เล็กน้อย แต่ไม่มีผลต่อการขับสาร oxalate ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญของการเกิดนิ่วในไต ดังนั้นจึงไม่แนะนำให้นำมาใช้ในผู้ป่วยที่เป็นนิ่วในไต (7-11)
5.ฤทธิ์ในการป้องกันมะเร็ง
จากฤทธิ์ในการต้านอนุมูลอิสระจึงได้มีการศึกษาในหนูที่เหนี่ยวนำให้เกิดมะเร็งผิวหนังเพื่อศึกษาฤทธิ์ในการป้องกันมะเร็ง โดยพบว่าสามารถต้านมะเร็งได้โดยไปรบกวนระบบการทำลายของเซลล์ร่างกาย (apoptosis) และการแบ่งเซลล์ (proliferation) (1)
6.ฤทธิ์ในการเพิ่มระดับฮอร์โมน prolactin
สารสกัดกระเจี๊ยบสามารถเพิ่มระดับฮอร์โมน prolactin ในหนูเพศเมีย ซึ่งเป็นฮอร์โมนที่เกี่ยวข้องกับการหลั่งน้ำนม(12)
7.ฤทธิ์ในการต้านเบาหวานและลดระดับไขมัน
สารสำคัญที่มีชื่อว่า anthocyanins และ protocatechuic acid ซึ่งพบได้ในสารสกัดจากกระเจี๊ยบมีส่วนสำคัญในการลดระดับน้ำตาลได้โดยจากการศึกษาในหนูและกระต่ายได้ โดยยับยั้งเอนไซต์ที่มีชื่อ α-amylasec และα-glucosidase ซึ่งเป็นเอนไซต์ที่มีบทบาทในการย่อยน้ำตาลและนอกจากนี้พบว่าสารสกัดจากกระเจี๊ยบยังมีผลขัดขวางการดูดซึมน้ำตาลได้ ดังนั้นจึงมีการศึกษาการใช้สารสกัดลดน้ำหนักในหนูซึ่งผลที่ได้พบว่าสามารถนำมาใช้ลดน้ำหนักได้(13, 14) นอกจากนี้สารสกัดจากกระเจี๊ยบยังสามารถลดระดับไขมัน ชนิด LDL ซึ่งเป็นไขมันที่ไม่ดีต่อร่างกาย และเพิ่ม HDL ซึ่งไขมันที่ดี โดยในการศึกษาในกระต่ายต่อการลดระดับไขมันในเลือดพบว่าสามารถลดระดับ LDL ลงได้โดยไปลดการสร้าง LDL ในตับและลดการกักเก็บไขมัน (15, 16)
1.เพิ่มการขับปัสสวะในผู้ที่มีอาการขัดเบา(7-11)
2.สามารถลดไข้ และต้านการอักเสบ (1, 4)
3.ฤทธิ์ในการต้านอนุมูลอิสระ(1, 5, 6)
สำหรับรักษาอาการขัดเบา: นำกลีบเลี้ยงหรือกลีบรองดอกสีม่วงแดง นำมาตากแห้งและบดให้ละเอียด โดยนำมาชั่งประมาณ 3 กรัมชงกับน้ำเดือด ประมาณ 250 มิลลิลิตร ทิ้งไว้ 5-ถึง 10 นาที จากนั้นนำไปกรองเก็บน้ำสีแดง โดยดื่มวันละ 3 ครั้ง ติดต่อกันจนอาการขัดเบาหาย(17)
มีการศึกษาความพิษของสารสกัดจากดอกกระเจี๊ยบในหนูพบว่าไม่มีผลต่อต่อระบบหัวใจ ตับ และสืบพันธุ์ แต่พบว่าในสารสกัดขนาดเข้มข้นมีผลลดการสร้างสเปิร์มในหนูเพศชาย(1)