รอบประจำเดือนแบบปกติ คือ ใน 1 รอบเดือนปกติใช้เวลาประมาณ 28 วัน (อยู่ในช่วง 21-40 วัน) โดย 1 รอบเดือนจะมี 3 phase ได้แก่
1.Follicular phase : 14 วันแรกของรอบเดือน ฮอร์โมน FSH และ estrogen จะสูง ไข่เจริญเติบโตและผนัง มดลูกแบ่งตัว (proliferative) ทำให้ขนาดของโพรงมดลูกหนาขึ้น
2.Ovulation phase : วันที่ 14 ของรอบเดือน ฮอร์โมน LH สูงขึ้น (LH surge) กระตุ้นให้ไข่ตก ฮอร์โมน estrogen และ progesterone สูง กระตุ้นให้ผนังมดลูกหนาตัว มีเส้นเลือดมาเลี้ยงเหมาะแก่การฝังตัวของตัวอ่อน โดย Progesterone ถูกหลั่งมาจาก corpus luteum
3.Luteal phase : วันที่ 28 ของรอบเดือน (เมื่อไข่ไม่ถูกปฏิสนธิ) ฮอร์โมน estrogen และ progesterone ลดลง ผนังมดลูกหลุดลอกเป็นประจำเดือน
ที่มารูปภาพ https://www.pinterest.com/pin/319474167300498067/
1.Depo-Provera® ซึ่งมีส่วนประกอบคือ Medroxyprogesterone สำหรับฉีดทุกๆ 3 เดือน
2.Cyclofem® ซึ่งมีส่วนประกอบคือ estradiol cypionate 5 mg ร่วมกับ medroxy progesterone acetate 25 mg สำหรับฉีดทุกๆ 1 เดือน
1.อาศัยผลจาก progestin อย่างเดี่ยว ซึ่งฤทธิ์ของ progestin คือ ยับยั้งกระบวนการตกไข่ โดยไปมีผลยับยั้งการหลั่งของ LH จากต่อมใต้สมอง และนอกจากนี้ยังมีผลทำให้เมือกที่ปากมดลูกข้นเหนียว และผนังมดลูกบางลงจนไม่เหมาะกับการฝังตัวของตัวอ่อน
2.อาศัยกระบวนการยับยั้ง GnRH เป็นผลให้ไม่เกิดผลกระตุ้นให้เกิดการหลั่ง FSH และ LH ของ estrogen และ pregestin ซึ่งเกี่ยวข้องกับกระบวนการตกไข่ ดังนั้นผลการยับยั้งดังที่กล่าวมาจึงทำให้สามารถคุมกำเนิดได้ดังภาพ ประกอบกับผลของ progestin ยังมีผลทำให้เมือกที่ปากมดลูกข้นเหนียว และผนังมดลูกบางลงจนไม่เหมาะสมกับการฝังตัวของตัวอ่อน
เนื่องจากผลของ progestin มีผลไปยับยั้งกระบวนการหลั่งของ GnRH ซึ่ง GnRH จะผลกระตุ้นให้มีการหลั่ง FSH เมื่อ GnRH ลดลง จึงทำให้ระดับ ของ FSH ลดลง เป็นผลทำให้ไข่ไม่สุก และนอกจากนี้ progestin ยังมีผลยับยั้งการหลั่ง LH ซึ่งมีผลต่อการตกไข่
ดังนั้น การฉีดยาคุม จึงสามารถคุมกำเนิดได้โดยอาศัยกลไกที่ได้กล่าวมา ซึ่งการใช้ยาคุมแบบฉีดเป็นระยะเวลานานๆจะพบว่าประจำเดือนจะยังไม่มาทันทีเนื่องมาจากยังคงเหลือปริมาณ progestin ที่อยู่ในร่างกายจึงทำให้ระดับของ progestin ยังคงสามารถมีผลยับยั้ง GnRH ซึ่งมีผลต่อการหลั่ง FSH ที่ทำให้ไข่สุกได้ประกอบกับผลของ progestin ที่สูงกว่า estrogen มากมีผลทำให้มีผนังมดลูกฝ่อเป็นผลให้ประจำเดือนมาผิดปกติไปหรือไม่มีเลยแต่โดยปกติเมื่อหยุดฉีดยาคุมหรือแบบฝังประจำเดือนจะกลับมาเป็นปกติหลังจากฉีดยาคุมและฝังเป็นระยะเวลา 6 เดือน ถึง 1 ปี และนอกจากนี้ในช่วงแรกของผู้ที่ฉีดและฝังยาคุมอาจยังคงมีประจำเดือนอยู่เนื่องจากอัตราส่วนระหว่าง estrogen กับ progesterone ยังคงเหมาะสมกับรอบเดือนจึงยังคงมีประจำเดือนปกติในช่วงแรก
ซึ่งในปัจจุบันมียาคุมแบบฉีดชนิดฮอร์โมนรวม (Cyclofem® )ซึ่งสามารถลดปัญหาประจำเดือนไม่มาเป็นระยะเวลานานๆได้และลดผลของ progestin ที่ทำให้ผนังมดลูกฝ่อทำให้รอบเดือนผิดปกติไป