อาการเจ็บป่วย | 2017-11-01 10:13:04

ทำไมหยุดฉีดยาคุมแล้วประจำเดือนไม่มา?

LINE it!

ทำไมหยุดฉีดยาคุมแล้วประจำเดือนไม่มา ก่อนอื่นเรามาทำความรู้จักกันก่อนว่าทำไมผู้หญิงถึงมีประจำเดือน?

รอบประจำเดือนแบบปกติ คือ  ใน 1 รอบเดือนปกติใช้เวลาประมาณ 28 วัน (อยู่ในช่วง 21-40 วัน) โดย 1 รอบเดือนจะมี 3 phase ได้แก่   

1.Follicular phase : 14 วันแรกของรอบเดือน ฮอร์โมน FSH และ estrogen จะสูง ไข่เจริญเติบโตและผนัง มดลูกแบ่งตัว (proliferative) ทำให้ขนาดของโพรงมดลูกหนาขึ้น  

2.Ovulation phase : วันที่ 14 ของรอบเดือน ฮอร์โมน LH สูงขึ้น (LH surge) กระตุ้นให้ไข่ตก ฮอร์โมน estrogen และ progesterone สูง กระตุ้นให้ผนังมดลูกหนาตัว มีเส้นเลือดมาเลี้ยงเหมาะแก่การฝังตัวของตัวอ่อน  โดย Progesterone ถูกหลั่งมาจาก corpus luteum

3.Luteal phase : วันที่ 28 ของรอบเดือน (เมื่อไข่ไม่ถูกปฏิสนธิ) ฮอร์โมน estrogen และ progesterone ลดลง ผนังมดลูกหลุดลอกเป็นประจำเดือน

ที่มารูปภาพ https://www.pinterest.com/pin/319474167300498067/

ต่อไปเรามารู้จักยี่ห้อของยาคุมแบบฉีดที่มีในท้องตลอดกัน

1.Depo-Provera®   ซึ่งมีส่วนประกอบคือ Medroxyprogesterone  สำหรับฉีดทุกๆ 3 เดือน

2.Cyclofem® ซึ่งมีส่วนประกอบคือ  estradiol cypionate 5 mg ร่วมกับ medroxy progesterone acetate 25 mg  สำหรับฉีดทุกๆ 1 เดือน

จากนั้นเรามาดูกันว่ากลไกของยาคุมแบบฉีดเป็นอย่างไรกัน

1.อาศัยผลจาก progestin อย่างเดี่ยว ซึ่งฤทธิ์ของ progestin คือ ยับยั้งกระบวนการตกไข่ โดยไปมีผลยับยั้งการหลั่งของ LH จากต่อมใต้สมอง และนอกจากนี้ยังมีผลทำให้เมือกที่ปากมดลูกข้นเหนียว และผนังมดลูกบางลงจนไม่เหมาะกับการฝังตัวของตัวอ่อน

2.อาศัยกระบวนการยับยั้ง GnRH เป็นผลให้ไม่เกิดผลกระตุ้นให้เกิดการหลั่ง FSH และ LH ของ estrogen และ pregestin ซึ่งเกี่ยวข้องกับกระบวนการตกไข่ ดังนั้นผลการยับยั้งดังที่กล่าวมาจึงทำให้สามารถคุมกำเนิดได้ดังภาพ ประกอบกับผลของ progestin ยังมีผลทำให้เมือกที่ปากมดลูกข้นเหนียว และผนังมดลูกบางลงจนไม่เหมาะสมกับการฝังตัวของตัวอ่อน

แล้วทำไมใช้ยาคุมชนิดฉีดแล้วหยุดทำไมถึงประจำเดือนไม่มา?? 

เนื่องจากผลของ progestin มีผลไปยับยั้งกระบวนการหลั่งของ GnRH ซึ่ง GnRH จะผลกระตุ้นให้มีการหลั่ง FSH เมื่อ GnRH ลดลง จึงทำให้ระดับ ของ FSH ลดลง เป็นผลทำให้ไข่ไม่สุก และนอกจากนี้ progestin ยังมีผลยับยั้งการหลั่ง LH ซึ่งมีผลต่อการตกไข่ 

ดังนั้น การฉีดยาคุม จึงสามารถคุมกำเนิดได้โดยอาศัยกลไกที่ได้กล่าวมา ซึ่งการใช้ยาคุมแบบฉีดเป็นระยะเวลานานๆจะพบว่าประจำเดือนจะยังไม่มาทันทีเนื่องมาจากยังคงเหลือปริมาณ progestin ที่อยู่ในร่างกายจึงทำให้ระดับของ progestin ยังคงสามารถมีผลยับยั้ง GnRH ซึ่งมีผลต่อการหลั่ง FSH ที่ทำให้ไข่สุกได้ประกอบกับผลของ progestin ที่สูงกว่า estrogen มากมีผลทำให้มีผนังมดลูกฝ่อเป็นผลให้ประจำเดือนมาผิดปกติไปหรือไม่มีเลยแต่โดยปกติเมื่อหยุดฉีดยาคุมหรือแบบฝังประจำเดือนจะกลับมาเป็นปกติหลังจากฉีดยาคุมและฝังเป็นระยะเวลา 6 เดือน ถึง 1 ปี และนอกจากนี้ในช่วงแรกของผู้ที่ฉีดและฝังยาคุมอาจยังคงมีประจำเดือนอยู่เนื่องจากอัตราส่วนระหว่าง estrogen กับ progesterone ยังคงเหมาะสมกับรอบเดือนจึงยังคงมีประจำเดือนปกติในช่วงแรก

ซึ่งในปัจจุบันมียาคุมแบบฉีดชนิดฮอร์โมนรวม (Cyclofem® )ซึ่งสามารถลดปัญหาประจำเดือนไม่มาเป็นระยะเวลานานๆได้และลดผลของ progestin ที่ทำให้ผนังมดลูกฝ่อทำให้รอบเดือนผิดปกติไป

 

©2017 PharmRoo.com | Powered by WordPress | Developed by chaivoot