อาการเจ็บป่วย | 2017-07-21 10:13:12

กินยาคุมกำเนิด แล้วไม่ท้องได้อย่างไร

LINE it!

ยาคุมกำเนิด เป็นหนึ่งในทางเลือกสำหรับการป้องกันการตั้งครรภ์ ที่มีเปอร์เซ็นต์ความล้มเหลวในการป้องกันการตั้งครรภ์ต่ำมากหากรับประทานยาอย่างถูกวิธี โดยในยาคุมกำเนิดนั้น มีฮอร์โมน 2 ชนิดที่ช่วยในการป้องกันการตั้งครรภ์ได้ คือ Estrogen และ Progesterone

Estrogen มีฤทธิ์ในการยับยั้งการตกไข่ ยับยั้งการฝังตัวของตัวอ่อน และเร่งการเคลื่อนที่ของไข่ ในส่วนของ Progesterone นั้น สามารถยับยั้งการตกไข่และยับยั้งการฝังตัวของตัวอ่อนได้เช่นเดียวกัน อีกทั้งยังทำให้มูกบริเวณปากมดลูกมีความเหนียวมากขึ้น เชื้ออสุจิจึงเดินทางผ่านได้ยาก และยับยั้งไม่ให้อสุจิเจาะเข้าไปในไข่ นอกจากนี้ ฮอร์โมนทั้ง 2 ชนิด ยังสามารถกดการหลั่งฮอร์โมนจากสมอง ทำให้ไม่เกิดการตกไข่

เนื่องจากในยาคุมกำเนิดประกอบด้วย Estrogen และ Progesterone ในปริมาณที่ต่างกัน ทำให้เกิดอาการข้างเคียงแตกต่างกันได้ สามารถปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรเพื่อเลือกยาคุมกำเนิดที่เหมาะสมได้

ยาคุมกำเนิดประกอบไปด้วยฮอร์โมน 2 ชนิด คือ estrogen และ progesterone ซึ่งฮอร์โมนคู่นี้มีผลในการควบคุมการทำงานของประจำเดือน ในร่างกาย

ฮอร์โมนที่หลั่งจากสมองที่ใช้ควบคุมประจําเดือน ได้แก่

ไฮโปทาลามัส (Hypothalamus) จะหลั่งฮอร์โมนที่เรียกวา GnRH (Gonotropin Releasing Hormone)

ต่อมใต้สมองส่วนหน้าที่เรียกว่า Anterior Pituitary Gland จะหลั่งฮอรโมนที่มีผลต่อเซลล์สืบพันธุ์จะเรียกรวมๆวา Gonadotropin ซึ่งประกอบด้วยฮอร์โมน 2 ชนิดคือ

1) ฮอร์โมนที่ช่วยกระตุ้นให้ไข่เจริญเติบโตที่เรียกว่า FSH (Foliicular Stimulating Hormone)

2) ฮอร์โมนที่ช่วยในเรื่องการตกไข่และการเจริญเติบโตของ Corpus Luteum ซึ่งเกิดในช่วงหลังไข่ตกที่เรียกว่า LH (Luteinizing Hormone)

โดย hypothalamus หลั่ง GnRH ไปกระตุ้น Anterior Pituitary Gland ให้หลั่ง FSH ซึ่งมีผลต่อการเจริญของไข่ นอกจากนี้ยังมีผลในการเพิ่ม estrogen และ LH ซึ่งมีผลต่อการตกไข่ นอกจากนี้ยังมีผลในการเพิ่ม progesterone

การทำงานของฮอร์โมน ในการยับยั้งการตั้งครรภ์มีดังนี้

ฮอร์โมนเอสโตรเจน (Estrogen Hormones)

  • ยับยั้งการตกไข่โดยการยับยั้ง FSH และ LH
  • Estrogen ในขนาดสูงมีผลยับยั้งการฝังตัวของตัวอ่อน โดยการเปลี่ยนแปลงการหลั่งสารจากมดลูกและเปลี่ยนแปลงเซลล์บริเวณเยื่อบุมดลูก
  • เร่งการเคลื่อนที่ของไข่
  • ทำให้เกิดการสลายตัวของ corpus luteum จึงขัดขวางการฝังตัวของตัวอ่อน

ฮอร์โมนโปรเจสเตอโรน (Progesterone Hormones)

  • ยับยั้งการตกไข่โดยการยับยั้ง LH surge
  • ทำให้มูกบริเวณปากมดลูกมีความเหนียวมากขึ้น ทำให้เชื้ออสุจิเดินทางผ่านได้ยาก
  • ยับยั้งเอ็นไซม์ที่ทำหน้าที่ช่วยให้เชื้ออสุจิเจาะผ่านไข่เข้าไปได้
  • ยับยั้งการฝังตัวของตัวอ่อนโดยการทำให้เยื่อบุมดลูกเกิดการฝ่อเหี่ยว  

LH surge (LH surge ส่งผลให้ผนังถุงไข่เกิดการปริออก ทำให้เกิดการตกไข่ ผนังถุงไข่กลายเป็น corpus luteum)

progestin ยับยั้ง LH surge ทำให้ไม่เกิดการตกไข่

Negative feedback

ทั้ง Estrogen และ Progestin ออกฤทธิ์ในการกดการสร้าง gonadotropin ของ pituitary gland ทำให้ Ovarian follicle ไม่พัฒนา กดการสร้าง FSH และ LH ทำให้ไม่มี midcycle LH surge จึงไม่มีการตกไข่ และไม่เกิด corpus luteum ไม่มีการสร้าง Progesterone

เอกสารอ้างอิง

คู่มือสื่อการสอนวิชาชีววิทยา คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย. บทบาทของฮอร์โมนในการควบคุมระบบสืบพันธุ์, Available at : http://www.phukhieo.ac.th/obec-media/2555/manual/

©2017 PharmRoo.com | Powered by WordPress | Developed by chaivoot